Introduction
โดยทั่วไปมอเตอร์ที่มีขนาดวัตต์ต่ำ ๆ ขนาด 746 วัตต์ (1 แรงม้า) มักจะใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก มอเตอร์เหล่านี้มีหลายชนิด เช่น
- slit phase induction motor
- capacitor start induction motor
- capacitor start and run induction motor
- repulsion induction motor
- repulsion start-induction run motor
- shaded-pole induction motor
- universal motor
มอเตอร์ขนาดเล็กถูกนำมาใช้งานเพิ่มมากขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานขนาดเล็ก สถานที่ทำงาน และตามบ้านเรือน เนื่องจากมีมอเตอร์แบบต่างๆ หลายแบบ การศึกษาเรื่องการพันมอเตอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
slit phase induction motor
capacitor start induction motor
มอเตอร์ชนิดนี้เป็นมอเตอร์เฟสเดียวที่มีโครงสร้างเหมือนกับ Slip-phase motor แต่มีแรงบิดสูงกว่าและกินกระแสน้อยกว่า เนื่องจากมีคาปาซิเตอร์ต่ออนุกรมกับขดลวดสตาร์ต วงจรของขดลวดสตาร์ตจะถูกตัดออกจากวงจรแหล่งจ่ายโดยสวิตช์แรงเหวี่ยงหรืออุปกรณ์อย่างอื่นเมื่อถึงความเร็วรอบที่กำหนด
repulsion induction motor
shaded-pole induction motor three-phase motor
เป็นมอเตอร์ขนาดเล็กใช้กับไฟเฟสเดียว นิยมใช้กันมาก เนื่องจากเป็นแบบง่ายๆ และค่อนข้างจะแข็งแรง โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก สเตเตอร์มีขั้วแม่เหล็กแบบขั้วยืนออกมาคล้ายกับแบบยูนิเวอร์แซลมอเตอร์และขดลวดที่พันอยู่บนต่อคร่อมกับแหล่งจ่ายไฟ แต่ละขั้วที่สเตเตอร์เป็นแบบแผ่นเหล็กอัดซ้อนกันและถูกตัดออกเป็นช่อง แต่ส่วนที่ถูกแบ่งออกจะมีปลอกทองแดงหนาสวมอยู่ ปลอกทองแดงนี้เราเรียกว่า เชดเดดคอยล์
three-phase motor
ในสถานที่ที่มีระบบไฟสามเฟส มักจะนิยมใช้มอเตอร์สามเฟสมากกว่ามอเตอร์เฟสเดียว มอเตอร์ชนิดนี้โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก มีขดลวดสามชุดพันอยู่ที่สเตเตอร์ (มอเตอร์สองเฟสมีขดลวดที่สเตเตอร์สองชุด) มอเตอร์ชนิดนี้ไม่จำเป็นไม่ต้องมีขดลวดสตาร์ตหรือสวิตช์แรงเหวี่ยง
universal motor d.c. motor
d.c. motor
แม้ว่าแกนขั้วแม่เหล็กของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ไม่จำเป็นต้องทำเป็นแบบเหล็กแผ่นอัดซ้อนกัน แต่มอเตอร์ชนิดนี้ที่มีขนาดเล็กๆ ซึ่งไม่ถึง 1 แรงม้า มักนิยมทำแกนขั้วแม่เหล็กป็นเหล็กแผ่นอัดซ้อนกัน โดยที่แกนขั้วแม่เหล็กและโครงภายใน (yoke) เป็นแผ่นเดียวกันแกนขั้วแม่เหล็กเป็นแบบขั้วยื่นออกมา และพันขดลวดสนามแม่เหล็กเพียงชุดเดียว มอเตอร์ชนิดนี้มักจะทำขั้วแม่เหล็กสองขั้วมากว่า 4 ขั้ว ส่วนอาร์เมเจอร์ก็ทำเป็นแบบเหล็กแผ่นอัดซ้อนกันมีสลอตสำหรับพันขดลวด และสวมอยู่บนเพลาเหล็ก
การพันขดลวดใหม่
การพันขดลวดใหม่เป็นการนำเอาขดลวดชุดใหม่พันแทนขดลวดชุด
เดิมเสียหรือไหม้การออกแบบมอเตอร์ แต่ละชิ้นนั้นจะต้องใช้ช่างเทคนิคที่มีความสามารถสูง
และถ้าหากจะใช้ช่างธรรมดาแล้ว ช่างผู้นั้นจะต้องมีความชำนาญ
และมีความในทางเทคนิคเป็นอย่างดี เนื่องจากมอเตอร์ขนาดเล็กมีหลายแบบ
จึกทำให้พันขดลวดมีความยุ่งยากมากขึ้น
ในปัจจุบันการพันขดลวดมีความหมายเหมือนกับการพันขดลวดใหม่เพราะว่าใช้เทคนิคอย่างเดียวกัน
แม้ว่าผู้ที่ทำการพันขดลวดจะมีภาระเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากการจะต้องกำหนดข้อมูลเกี่ยวกับการพันขดลวดแล้ว
ยังต้องทำการพันขดลวดเพื่อให้มอเตอร์ทำงานได้ โดยไม่ทราบวิธีการออกแบบที่ผู้ผลิตทำไว้เลย
ขดลวดของมอเตอร์
มอเตอร์จะเกิดแรงบิดได้ก็ต่อเมื่อเกิดแรงกระทำระหว่างสนามแม่เหล็กสองสนาม
สนามแม่เหล็กดังกว่างเกิดจากขดลวดสองชุดซึ่งมีกระแสไหลผ่าน
ขดลวดชุดแรกวางอยู่กับที่รอบนอก ซึ่งเรียกว่า สเตเตอร์(stator) ส่วนอีกขดหนึ่งหมุนอยู่ด้านในเรียกว่า
โรเตอร์ หรืออาร์เมเจอร์(rotor or armature)
สำหรับมอเตอร์กระแสสลับแบบอินดักชั่น (induction
type)
หรือแบบรีพัลชั่น(repulsion type) นั้น ขดลวดที่สเตเตอร์จะเหมือนกัน
โดยที่รอบๆสเตเตอร์จะมี สลอต(slot)
ยกเว้นมอเตอร์แบบเชดเดดโพลขดลวดของสเตเตอร์จะต่อกับแหล่งจ่ายไฟ
ซึ่งทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก มีผลเนี่ยวนำไปยังโรเตอร์ ทำให้เกิดกระแสไหลในโรเตอร์
สำหรับยูนิเวอร์แซลมอเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขดลวดที่ทำเป็นขั้วแม่เหล็กพันอยู่บนขั้วที่ยื่นออกมา
และขดลวดนี้จะต่ออนุกรมกับขดลวดอาร์เมเจอร์ แล้วจึงต่อเข้ากับแหล่งจ่ายไฟ
slit phase induction motor
มอเตอร์ชนิดนี้ใช้กับไฟเฟสเดียวตัวโรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก
ส่วนสเตเตอร์ทำด้วยแผ่นเหล็กบางๆอาบน้ำยา อัดซ้อนกัน ขดลวดที่สเตเตอร์มีสองชุดคือ
ขดลวดรัน กับ ขดลวดช่วยหรือขดลวดสตาร์ต
ทั้งขดลวดรันและขดลวดสตาร์ตต่อคร่อมอยู่กับแหล่งจ่ายไฟ
เมื่อความเร็วรอบของมอเตอร์ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วสูงสุด
ขดลวดสตาร์ตจะถูกตัดออกจากวงจรของแหล่งจ่ายไฟโดยสวิตช์แรงเหวี่ยง ถ้าหาเราไม่ใช้สวิตช์ดังกล่าว
อาจจะใช้รีเลย์อนุกรมกับขดลวดรันก็ได้ เมื่อความเร็วรอบของมอเตอร์เพิ่มมากขึ้น
กระแสในขดลวดจะลดลงทำให้รีเลย์หยุดทำงาน
วงจรของขดลวดสตาร์ตจะถูกตัดออกจากแหล่งจ่ายไฟ
ในกรณีที่ขดลวดสตาร์ตไม่ถูดตัดออกไปจากวงจรภายในระยะเวลา2-3วินาทีขดลวดจะเริ่มร้อนทันทีและก็จะไหม้ในที่สุด
มอเตอร์แบบอินดักชั่นหรือแบบสปลิตเฟสมีคุณสมบัติเหมือนกันมอเตอร์แบบขนาดคือความเร็วรอบค่อนข้างคงที่เมื่อภาระหรือโหลดเปลี่ยนไป
capacitor start induction motor
มอเตอร์ชนิดนี้เป็นมอเตอร์เฟสเดียวที่มีโครงสร้างเหมือนกับ Slip-phase motor แต่มีแรงบิดสูงกว่าและกินกระแสน้อยกว่า เนื่องจากมีคาปาซิเตอร์ต่ออนุกรมกับขดลวดสตาร์ต วงจรของขดลวดสตาร์ตจะถูกตัดออกจากวงจรแหล่งจ่ายโดยสวิตช์แรงเหวี่ยงหรืออุปกรณ์อย่างอื่นเมื่อถึงความเร็วรอบที่กำหนด
ในมอเตอร์แบบคาปาซิเตอร์สตาร์ตคาปาซิเตอร์รัน
จะมีคาปาซิเตอร์สองตัวต่ออยุ่ซึ่งทำให้มีคาปาซิเตอร์เหลืออยู่ในวงจรของขดลวดสตาร์ตในขณะมอเตอร์กำลังหมุน
ดังนั้นจึงทำให้เพาเวอร์แฟคเตอร์ ของวงจรดีขึ้น
มอเตอร์จะกินกระแสน้อยซึ่งมีผลทำให้ความร้อนไม่สูงมาก
ในงานที่มีโหลดน้อยๆ
และต้องการใช้คาปาซิเตอร์รันมอเตอร์ เราอาจใช้คาปาซิเตอร์เพียงตัวเดียวต่ออนุกรมกับขดลวดสตาร์ต
และไม่ต้องมีสวิตช์ตัดวงจรของขดลวดสตาร์ตออกจากแหล่งจ่ายไฟในขณะที่ทำการขับโหลด
repulsion induction motor
มอเตอร์ชนิดนี้เป็นมอเตอร์เฟสเดียว
ที่สเตเตอร์มีขดลวดเพียงชุดเดียว
โรเตอร์มีความคล้ายคลึงกับอาร์เมเจอร์ในระบบไฟฟ้ากระแสตรงที่มีคอมมิวเตเตอร์ แปรงถ่านจะถูกลัดวงจร
กระแสไฟที่ไหลในโรเตอร์เกิดขึ้นจากผมของสนามแม่เหล็กที่สเตเตอร์และการเกิดขั้วแม่เหล็กที่โรเตอร์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของแปรงถ่านที่วางอยู่บนซี่คอมมิวเตเตอร์
ถ้าหากขั้วแม่เหล็กที่สเตเตอร์กับโรเตอร์เหมือนกันก็จะเกิดการผลักกัน
ในกรณีที่แนวแกนของแปรงถ่านมีทิศทางเดียวกับแนวแกนของลวดสเตเตอร์ มอเตอร์จะไม่หมุน
ณ ตำแหน่งนี้เรียกว่า ตำแหน่งสะเทิน
เหตุที่มอเตอร์ไม่หมุนก็เนื่องจากขั้วที่สเตเตอร์กับโรเตอร์เหมือนกันถ้าต้องการกลับทิสทางการหมุนของมอเตอร์
ก็ให้หมุนแปรงถ่านไปอยุ่ตรงข้ามกับตำแหน่งสะเทิน หรืออาจจะต่อปลายสายของขดลวดสเตเตอร์ออกมาแล้วใช้สวิตช์เป็นตัวกลับทิศทางก็ได้ เพื่อป้องกันการสึกหรอของแปรงถ่าน
แปรงถ่านจะถูกยกขึ้นหลังจากที่ทำการสตาร์ตมอเตอร์แล้ว
มอเตอร์จะทำงานแบบอินดักชั่นในขณะที่หมุนโดยมีอุปกรณ์ชนิดหนึ่งมาทำการลัดวงจรที่ซี่คอมมิวเตเตอร์ทั้งหมด
อุปกรณ์นิดนี้คือ เครื่องมือที่ทำงานด้วยแรงเหวี่ยง
ซึ่งทำงานเหมือนสวิตช์แรงเหวี่ยง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความลำบากที่จะทำอุปกรณ์มาลัดวงจรที่ซี่คอมมิวเตเตอร์
นั้งดันโรเตอร์ตัวนี้จะต้องเป็นแบบกรงกระรอก โดยฝังไว้ใต้สลอต
และมีคุณสมบัติเหมือนกับอินดักชั่นมอเตอร์ ถ้าหากต้องการปรับความเร็วรอบของรีพัลชั่นมอเตอร์แบบธรรมดา
(ซึ่งไม่มีกลไกสำหรับลัดวงจรและทำการยกแปรงถ่าน) สามารถทำได้โดนขยับแปรงถ่าน
ซึ่งเราจะต้องต่อมือหมุนไว้ที่ฝาครอบหัวท้ายของมอเตอร์
คุณสมบัติของมอเตอร์ชนิดนี้เหมือนกับมอเตอร์แบบอนุกรม
คือ ถ้าโหลดลดลงความเร็วรอบจะเพิ่มขึ้น
การเกิดคอมมิวเตชั่นไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้
แต่จะทำให้ดีขึ้นโดยการเปลี่ยนแปรงถ่านใหม่บ่อยๆ
shaded-pole induction motor three-phase motor
เป็นมอเตอร์ขนาดเล็กใช้กับไฟเฟสเดียว นิยมใช้กันมาก เนื่องจากเป็นแบบง่ายๆ และค่อนข้างจะแข็งแรง โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก สเตเตอร์มีขั้วแม่เหล็กแบบขั้วยืนออกมาคล้ายกับแบบยูนิเวอร์แซลมอเตอร์และขดลวดที่พันอยู่บนต่อคร่อมกับแหล่งจ่ายไฟ แต่ละขั้วที่สเตเตอร์เป็นแบบแผ่นเหล็กอัดซ้อนกันและถูกตัดออกเป็นช่อง แต่ส่วนที่ถูกแบ่งออกจะมีปลอกทองแดงหนาสวมอยู่ ปลอกทองแดงนี้เราเรียกว่า เชดเดดคอยล์
three-phase motor
ในสถานที่ที่มีระบบไฟสามเฟส มักจะนิยมใช้มอเตอร์สามเฟสมากกว่ามอเตอร์เฟสเดียว มอเตอร์ชนิดนี้โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก มีขดลวดสามชุดพันอยู่ที่สเตเตอร์ (มอเตอร์สองเฟสมีขดลวดที่สเตเตอร์สองชุด) มอเตอร์ชนิดนี้ไม่จำเป็นไม่ต้องมีขดลวดสตาร์ตหรือสวิตช์แรงเหวี่ยง
universal motor d.c. motor
มอเตอร์ชนิดนี้ใช้ได้ทั้งไฟเฟสเดียวและไฟฟ้ากระแสตรง
มีขนาดตั้งแต่ 10 วัตต์ถึง 400 วัตต์
มีโครงสร้างเหมือนกับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแต่ต่างกันตรงขั้วแม่เหล็ก
มอเตอร์ชนิดนี้ที่ขั้วจะทำแบบแผ่นเหล็กอัดว้อนกัน และขดลวดสนามแม่เหล็กจะต่ออนุกรมกับอาร์เมเจอร์ความเร็วรอบของมอเตอร์ชนิดนี้มักจะไม่ต่ำกว่า
2000 รอบต่อนาที
ถ้าต้องการให้มอเตอร์ใช้งานได้ทั้งกับไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสตรงที่มีความเร็วรอบน้อยกว่า
3000
รอบต่อนาทีโดยมีคุณสมบัติการใช้งานเหมือนกัน จะต้องควบคุมขดลวดที่สนามแม่เหล็ก
โดยการต่อแยกขดลวดสนามแม่เหล็กออกมา
มอเตอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติเหมือนกับมอเตอร์แบบอนุกรม
ดังนั้นความเร็วรอบจะอยู่ในพิกัด ถ้าหากต่อโหลดหรือภาระให้กับมอเตอร์อยู่ในพิกัด
ในกรณีที่โหลดลดลงความเร็วรอบจะเพิ่มขึ้น
มอเตอร์ชนิดนี้เหมาะที่จะใช้งานจำพวกโหลดคงที่หรืองานที่ไม่ต้องการการขับด้วยความเร็วรอบคงที่
งานดังกล่าวได้แก่ พัดลม เครื่องดูดฝุ่น จักรเย็บผ้า และเครื่องมือไฟฟ้าบางอย่าง
แปรงถ่านของยูนอเวอร์แซลมอเตอร์มักจะสึกค่อนข้างเร็ว
ดังนั้นมอเตอร์ชนิดนี้จะไม่ใช้งานหนักๆเป็นระยะเวลานานๆ
d.c. motor
แม้ว่าแกนขั้วแม่เหล็กของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ไม่จำเป็นต้องทำเป็นแบบเหล็กแผ่นอัดซ้อนกัน แต่มอเตอร์ชนิดนี้ที่มีขนาดเล็กๆ ซึ่งไม่ถึง 1 แรงม้า มักนิยมทำแกนขั้วแม่เหล็กป็นเหล็กแผ่นอัดซ้อนกัน โดยที่แกนขั้วแม่เหล็กและโครงภายใน (yoke) เป็นแผ่นเดียวกันแกนขั้วแม่เหล็กเป็นแบบขั้วยื่นออกมา และพันขดลวดสนามแม่เหล็กเพียงชุดเดียว มอเตอร์ชนิดนี้มักจะทำขั้วแม่เหล็กสองขั้วมากว่า 4 ขั้ว ส่วนอาร์เมเจอร์ก็ทำเป็นแบบเหล็กแผ่นอัดซ้อนกันมีสลอตสำหรับพันขดลวด และสวมอยู่บนเพลาเหล็ก
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงมี 3 แบบคือ มอเตอร์แบบอนุกรม มอเตอร์แบบขนาน
และมอเตอร์แบบผสม มอเตอร์แบบอนุกรมใช้กับงานที่ต้องการแรงบิดสูงในขณะเริ่มหมุน
และความเร็วรอบของมอเตอร์จะเพิ่มขึ้นเมื่อโหลดลดลง
มอเตอร์ชนิดนี้ไม่ควรใช้กับโหลดที่ต้องการความเร็วรอบคงที่
เว้นแต่ว่าโหลดมีค่าคงที่แน่นอน ส่วนมอเตอร์แบบขนานหรือแบบผสม
ความเร็วรอบค่อนข้างคงที่เมื่อโหลดเปลี่ยนแปลง
การควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงทำได้หลายวิธี
เช่น
ในมอเตอร์แบบอนุกรมสามารถควบคุมความเร็วรอบได้โดยการนำความต้านทานมาต่ออนุกรมกับมอเตอร์ในวงจร
วิธีนี้ทำให้ความเร็วรอบลดลงได้ 1 ใน 4 ของความเร็วรอบสูงสุด
สำหรับมอเตอร์แบบขนานและแบบผสม
สามารถรดความเร็วรอบได้โดยนำความต้านทานมาต่ออนุกรมกับอาร์เมเจอร์ทำให้ความเร็วลดลงได้ 1 ใน
10 หรือน้อยกว่าความเร็วรอบสูงสุด
และให้แรงบิดได้เต็มที่ตามพิกัดตลอดช่วงของความเร็วที่ใช้งาน
ความเร็วรอบของมอเตอร์ทั้งสองชนิดที่กล่าวอาจจะเพิ่มได้โดยใช้ตัวต้านทานต่ออนุกรมกับขดลวดขนาน
ซึ่งความเร็วรอบอาจจะเพิ่มถึง 100 เปอร์เซ็นต์ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบมอเตอร์
ในกรณีนี้แรงบิดจะลดลงถ้าหากความเร็วรอบเพิ่มขึ้น
**************************************************
ติดตามรายละเอียดเพิ่มอีก ที่นี้ เร็วๆนี้ครับ
**************************************************
ติดตามรายละเอียดเพิ่มอีก ที่นี้ เร็วๆนี้ครับ